“ลูก” สมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิต
ไม่ว่าใครก็อยากให้ลูกเราเป็นเด็กที่น่ารักสำหรับทุกคนที่พบเจอ แต่การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สิ่งที่เราคิดว่าทำไปเพื่อลูกด้วยความรัก แต่จริงๆ อาจจะกำลังทำร้ายลูก ตามใจลูก เกินไปโดยไม่รู้ตัว
แล้วจะทำอย่างไร..เพื่อให้ลูกไม่ให้เอาแต่ใจตัวเอง
- เรียนรู้ที่จะผิดหวัง
เพราะคนเราทุกคนต้องอยู่ได้ในวันที่เสียใจ ล้มแล้วต้องลุกเป็น และเรียนรู้จากน้ำตาแห่งความเสียใจให้ได้ ปล่อยให้ลูกร้องไห้และเสียใจเสียบ้างก็ดี ขณะเดียวกันสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พึงกระทำก็คือ “รับรู้” ว่าลูกกำลังรู้สึกผิดหวังเสียใจอยู่ “สื่อสาร” ให้ลูกรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองว่าเขารู้สึกอะไรอยู่ และสอนลูกให้ “จัดการ” อารมณ์และสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างสงบและเหมาะสมที่สุดโดยปราศจากความรุนแรง ด้วยพื้นฐานที่ว่าคนเราทุกคนเสียใจได้ แต่เราจะทำรุนแรงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายตนเอง ทำร้ายคนอื่น หรือทำลายสิ่งของ 3 อย่างนี้เป็นสิ่งต้องห้ามที่ยอมรับไม่ได้ พ่อแม่ต้องไม่อนุญาตให้ทำโดยเด็ดขาด
พ่อแม่ควรพูดคำว่า “ไม่” หรือ “ปฏิเสธ” ลูกได้อย่างไม่ต้องรู้สึกผิด หากสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่จะถูกปฏิเสธ โดยพ่อแม่เองก็ต้องอดทนต่อน้ำตาของลูกให้ได้ในระดับหนึ่งด้วย มิฉะนั้นเราจะถูกน้ำตาและเสียงร้องของเขาควบคุมเราให้ทำตามที่ลูกต้องการโดยไม่สมเหตุสมผลได้ บนพื้นฐานที่ว่าเราจะไม่พูดคำว่า “ไม่” และห้ามพร่ำเพรื่อให้เขาใช้ชีวิตและเล่นอย่างเต็มที่ภายใต้กรอบของวินัย ศีลธรรม และกิจวัตรที่เหมาะสมนั่นเอง ไม่ใช่ห้ามวิ่ง ห้ามเสียงดัง ห้ามเถียง ห้ามไปเสียหมดทุกเรื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
- เรียนรู้ที่จะรอคอย
การต่อแถวและอดทนรอคอยเป็นพื้นฐานในการควบคุมตนเองอย่างหนึ่งที่เราควรฝึกให้ลูกเรียนรู้และปฏิบัติตาม สามารถเริ่มสอนให้ลูกรู้จักการอดทนรอยคอยได้ตั้งแต่ในวัยเตาะแตะ จากช่วงเวลาสั้นๆ ผ่านกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างการกินอาหาร การดื่มน้ำ หรือแม้กระทั่งการเล่น
การสอนให้ลูกมีระเบียบวินัยและกิจวัตรที่ดี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการกำหนดสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันอย่างการกิน การนอน การอาบน้ำ – แปรงฟัน งานบ้าน ตลอดจนการบ้านจากโรงเรียน นี่คือกิจวัตรที่ต้องทำ เบื่อแค่ไหนก็ต้องทำ ไม่ควรต่อรอง ต้องควบคุมตัวเองให้ทำกิจวัตรเหล่านี้ให้ได้ก่อนการเล่นสนุกและทำในสิ่งที่ชอบ และทำให้ลูกจะคาดเดาได้ว่าตอนนี้เขาควรทำอะไรก่อนหลัง เหล่านี้ก็จะช่วยลดการดื้อหรือต่อต้านลงได้มากเลยทีเดียว
- เรียนรู้ที่จะมองสิ่งดีๆ ในชีวิต
วิธีที่ง่ายที่สุดที่พ่อแม่จะสอนให้ลูกเป็นเด็กคิดบวก มองโลกในแง่ดี มองเห็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตทุกวัน ก็คือ แบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่ที่จะมองโลกในแง่ดี โดยให้ความสำคัญกับ “ตัวตนของลูก” และ “วิธีคิด” มากกว่าสิ่งของหรือรูปลักษณ์ภายนอกที่มีอยู่ และใช้เวลาคุณภาพกับลูกให้ได้มากที่สุดกับของเล่น หนังสือนิทานหรือสิ่งของทุกอย่างที่มีอยู่ มิใช่เน้นการหาของสวยงาม ของเล่นใหม่ๆ ที่ล่อตาล่อใจ หรือความหรูหราที่ฉาบฉวยภายนอก เพราะสิ่งนอกกายเหล่านี้ที่ได้มาง่ายก็จะกระตุ้นให้อยากได้อยากมีอีกมากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งที่เราซื้อของให้ลูกน้อยลงแต่มีเวลาใช้กับเขามากขึ้น เขาอาจจะไม่เรียกร้องหาของเล่นชิ้นใหม่อีกเลยก็ได้
- เรียนรู้ที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา
แทนที่ทุกอย่างจะหมุนรอบตัวลูก จนกระทั่งลูกเห็นแต่ ฉัน ฉัน และฉันเพียงเท่านั้น เราต้องขยับการมองโลกจาก “ฉัน” มาเป็น “เรา” และจาก “เรา” มาเป็น “คนอื่น” มากขึ้นเรื่อยๆ สอนลูกให้ถามคนอื่นให้เป็นว่ามีความเห็นหรือรู้สึกอย่างไร
หากคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้จะเริ่มปรับพฤติกรรมลูกอย่างไร ให้เริ่มที่ตัวเราเองก่อน อยากให้ลูกเป็นอย่างไร จงเป็นแบบนั้นให้ลูกดู เห็น สัมผัส เพราะคำพูดสักร้อยพันคำก็ไม่หนักแน่นพอเท่ากับการกระทำที่ทำจริงของพ่อแม่นั่นเอง
.
.
ติดตาม Life Elevated ได้ที่
Website: www.lifeelevated.club/
Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ
Twitter: @_lifeelevated_
Instagram: @lifeelevatedclub
Line OA: @Lifeelevated
Blockdit: Life Elevated
.
.
#LifeElevated #สปอยล์ลูก
.
.
อ้างอิง