สมาร์ทโฟน
อุปกรณ์ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของใครหลายๆ คน เช่นเดียวกับการเลี้ยงลูกในยุคนี้ เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่เราจะเห็นเด็กๆ เล่นมือถือในขณะทำกิจกรรมต่างๆ ไปด้วย เช่น กินข้าวก็ต้องเล่นมือถือ นอนก็ยังต้องดูมือถืออีก
และยิ่งกับเด็กๆ เยาวชนที่เกิดและโตในยุคสมัยนี้ สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายคล้ายเกิดมาคู่กัน เด็กๆ เหล่านี้ต่างเติบโตขึ้นมากับการคลุกคลีกับมือถือตั้งแต่แรก ด้วยความไม่ประสีประสาและไม่เท่าทันเด็กจึงอาจเข้าใจว่าโทรศัพท์มือถือคือของเล่น ยิ่งผู้ปกครองในทุกวันนี้ที่นิยม ใช้โทรศัพท์เลี้ยงลูกแทน เพราะเล็งเห็นว่าง่ายไม่เปลืองแรง เด็กก็จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต ส่วนตัวพ่อแม่เองก็จะได้มีเวลาทำอย่างอื่น พูดง่ายๆ คือ ใช้โทรศัพท์ล่อไม่ให้เด็กก่อกวนนั่นเอง
ส่งผลให้ความคุ้นเคยกับการคลุกคลีอยู่กับโทรศัพท์มือถือบ่อยครั้ง ทำให้เกิดอาการเสพติดขึ้น เด็กจะขาดประสบการณ์วัยเด็กที่ควรจะได้รับสำหรับพัฒนาการที่เหมาะสม เพราะทำกิจกรรมอื่นๆ อย่างที่วัยเด็กพึงทำน้อยลง ซึ่งผลเสียจากการหมกมุ่นอยู่กับการใช้มือถือและแท็บเล็ตของเด็กมีดังนี้
ขาดพัฒนาการตามวัย :
เด็กๆ ในวัย 1-5 ขวบเป็นวัยที่ต้องมีพัฒนาการทางการเติบโตเยอะ การขยับร่างกายอย่างการออกไปวิ่งเล่น มีประสบการณ์นอกบ้าน ซึ่งถ้าเอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์ก็ส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายได้ เช่น ป่วยบ่อย ร่างกายไม่แข็งแรง
ส่งผลด้านอารมณ์ :
เมื่อเกิดอาการติดมือถือก็อาจทำให้กลายเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนโมโหง่าย ไม่อดทน รอคอยไม่เป็น ถึงเวลาเมื่อเราไม่อยากให้เขาใช้ก็สายเกินไปเพราะจะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งสุดท้ายการจะทำให้เขาสงบได้ก็ด้วยการยื่นมือถือ กลายเป็นวงเวียนที่ถอยออกไม่ได้
ขาดการเข้าสังคม :
การเข้าสังคมพื้นฐานซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ แต่เด็กที่ติดการใช้มือถืออาจขาดการพัฒนาตรงส่วนนี้ไปเนื่องจากเลือกที่จะจมอยู่กับมือถือและแท็บเล็ตมากกว่าการสุงสิงหรือเล่นกับเด็กคนอื่นๆ
วิธีช่วยลูกให้เลิกติดมือถือ
- เป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น
คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มสำรวจตัวเองก่อนว่า คุณพ่อคุณแม่เองมีนิสัยติดมือถือเหมือนกันหรือเปล่า หากลูกเห็นคุณพ่อคุณแม่เล่นมือถือตลอดเวลา แม้แต่เวลาที่ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างตอนกินข้าว เด็กๆ ก็จะเลียนแบบ และไม่เชื่อคำสอนของคุณพ่อคุณแม่ได้ จึงแนะนำให้เริ่มแก้ที่พฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ก่อนเป็นอันดับแรก
- กำหนดกติกาการเล่นมือถือ
คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นมือถือเพลินแบบไม่มีกำหนดเวลา แต่คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นผู้ควบคุมการเล่นของลูก โดยมีการกำหนดกติกากันก่อนว่า จะให้ลูกเล่นได้นานแค่ไหน เช่น ลูกเล่นได้ 1 ชั่วโมงเท่านั้น และควรจริงจังกับเวลาที่ตกลงกันด้วย ไม่ปล่อยให้ลูกเล่นเกินเวลา เพราะจะทำให้ลูกไม่เชื่อถือในคำพูดของคุณได้ โดยปกติแล้วสำหรับเด็กเล็กๆ ควรให้เวลาเล่นมือถือไม่เกิน 1 ชั่วโมง
- ไม่ซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกเล็ก
คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือเสมอ ไม่ควรให้ลูกยึดเอาโทรศัพท์มือถือไปเล่นจนคุณพ่อคุณแม่ควบคุมเขาไม่อยู่ หรือไม่ควรซื้อโทรศัพท์มือถือส่วนตัวให้ลูกเล็กๆ
- ชวนลูกทำกิจกรรมร่วมกัน
อันที่จริง เด็กๆ เป็นวัยที่สนุกกับกิจกรรมได้หลากหลาย บางครั้งเด็กๆ ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือเพราะว่าเขาไม่มีกิจกรรมอื่นๆ ที่สนใจ คุณพ่อคุณแม่จึงควรชวนเด็กๆ ให้ไปทำกิจกรรมร่วมกันบ้าง เช่น ชวนไปเที่ยว ชวนประดิษฐ์ของ หรืออาจชวนลูกไปเรียนเสริมทักษะสนุกๆ เช่นเรียนกีฬาหรือดนตรี อย่าลืมสังเกตว่าลูกชอบอะไร และให้เขาได้ทำสิ่งนั้น เด็กๆ อาจสนุกกับกิจกรรมต่างๆ จนพักการเล่นมือถือไปเลย
- พ่อ – แม่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขกว่ามือถือ
เด็กบางบ้านติดมือถือ เพราะในมือถือมีสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขได้มากกว่าการอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ เช่น เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้วชอบโดนดุ หรือโดนต่อว่าในทางลบ เขาจึงหนีไปเล่นมือถือที่มีสิ่งที่เขาสนุกและมีความสุข คุณพ่อคุณแม่จึงควรต้องปรับตัวเองให้เป็นคนที่ลูกอยากอยู่ใกล้ โดยให้ความรัก ความเข้าใจ และเอาใจใส่ลูกให้มากๆ
การเปลี่ยนนิสัยลูกให้เลิกติดมือถือนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาค่อยๆ ปรับกันไป คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นๆ และแน่วแน่กับการแก้ปัญหานี้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง