ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาอย่างไร้ขอบเขต เกิดเป็นธุรกิจใหม่ที่เปิดรับแรงงาน พร้อมๆ กับงานตำแหน่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
แต่ทำไมตัวเลขผู้ว่างงานถึงยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ???
สาเหตุหนึ่งก็เพราะการเข้ามา Disruption ของเทคโนโลยี ที่มีความสามารถในการทำงานบางชนิดแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สอดคล้องกับที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้วิเคราะห์ไว้ว่า ภายในปี 2033 ตลาดแรงงานในสหรัฐฯ จะลดหายไปประมาณ 50% ขณะที่ตลาดแรงงาน 35% ในอังกฤษก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร
ปัญหาหลักของผู้คนก็คือ แม้คนทำงานส่วนใหญ่จะพยายามปรับตัว แต่ก็ยังขาดทักษะขั้นสูงและทักษะใหม่ๆ ที่เข้ากับยุคสมัย หรือที่เรียกว่า Hyper-Relevant Skills และไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มคนทำงาน แต่ในกลุ่มนักศึกษาเองก็ยังขาดทักษะเหล่านี้เพราะหลักสูตรยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร หลายคนเรียนจบออกไปแล้วไม่สามารถเอาทักษะที่มีไปใช้ในโลกของการทำงานได้ แรงงานในบ้านเราส่วนใหญ่จึงไม่สามารถควบคุมและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ยังไม่นับการเกิดขึ้นของ Gig Economy อันหมายถึงรูปแบบการจ้างงานชั่วคราว ซึ่งทำให้เกิดอาชีพรับจ้างและชาวฟรีแลนซ์เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน จึงยิ่งทำให้ความมั่นคงของพนักงานประจำที่ไม่ได้พัฒนาตัวเองสั่นคลอนมากขึ้นไปอีก
Lifelong Learning หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นคำที่เราคงได้ยินกันบ่อยๆ ในยุคนี้ โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ ก็เป็นเพราะเราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างรอบตัวถูกเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแบบเร็วสุดๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความรู้เดิมที่เคยมีหรือสิ่งที่เคยทำมา อาจไม่สามารถนำพาเราไปข้างหน้าได้อีกต่อไป
คนที่สามารถก้าวไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ต้องเป็นคนที่มีนิสัยของการเรียนรู้ตลอดชีวิตคำถามคือ แล้วเราจะต้องทำอย่างไร?
ผลจากการสำรวจแรงงานสหรัฐอเมริกาในปี 2016 โดย Pew Research Center พบว่า 87% ของแรงงาน เชื่อว่าการเทรนนิ่งและพัฒนาทักษะใหม่ตลอดชีวิตการทำงานมีความจำเป็นสำหรับพวกเขา ส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยให้พวกเขารับมือกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งจากรูปแบบเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปโดยเทคโนโลยี ทั้งจากระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง และอีกส่วนก็เพื่อเป็นอาวุธที่จะช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
แล้ว Hyper-Relevant Skills ที่เป็นทักษะตอบโจทย์แห่งยุคสมัยหน้าตาเป็นยังไง?
ว่ากันง่ายๆ ก็คือ นอกจากทักษะในเชิงความรู้ความเข้าใจเทคโนโลยีสมัยใหม่แล้ว ยังหมายถึงทักษะที่เทคโนโลยียังไม่สามารถเนรมิตขึ้นได้ด้วยตัวเอง ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ ความฉลาดทางอารมณ์ การคิดวิเคราะห์ และความสามารถในการ Reskill พร้อมปรับตัวตลอดชีวิต
เราอาจสังเกตได้ว่า ทักษะที่กล่าวมานั้นมีสอนในมหาวิทยาลัยไม่เท่าไหร่ ทั้งที่ในปัจจุบันนี้การแข่งขันสูง มีนักศึกษาจบใหม่ก็มาก ยังไม่นับคนในวัยทำงานซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่มีประสบการณ์
ดังนั้นหากไม่มี Hyper-Relevant Skills คุณก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าสนใจแล้วในยุคนี้
จึงอาจพูดได้ว่า การลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทักษะดิจิทัล รวมถึง Hyper-Relevant Skills คือสิ่งที่คุ้มค่า และจำเป็นต่อการสร้างแรงงานในอนาคต
SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ผู้ออกแบบโมเดลการสอนเพื่อเพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็นในยุคใหม่ YourNextU เล็งเห็นถึงความจำเป็นนี้และมองไกลไปอีกว่าควรเริ่มต้นปลูกฝังแนวคิดตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัย จึงจับมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตร (Non-degree) ให้กับกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ นักศึกษา บุคลากรในภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม และบุคคลทั่วไป โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีทั้งความรู้เชิงเทคนิค หรือ Hard Skill และ Hyper-Relevant Skills
หลักสูตรนี้ถูกคิดค้นให้ตอบโจทย์กับยุคสมัยที่ Physical Distancing เป็นสิ่งสำคัญ โดยเปิดให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงความรู้ได้จากหลายช่องทางทั้งห้องเรียนปกติ, E-Learning และ Online Learning
นอกจากนี้ SEAC และ มจธ. ยังได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรเพื่อสร้างกลุ่มอาชีพใหม่สำหรับภาคการศึกษา ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญสำหรับแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการสร้างบุคลากรกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เพราะพวกเขาคือผู้ส่งต่อความรู้ไปสู่ผู้เรียนต่อๆ ไป อาชีพที่ว่าได้แก่ Online Instructional Design (นักออกแบบการสอนแบบออนไลน์) Virtual Learning Facilitator (อาจารย์เกื้อหนุนสำหรับการเรียนแบบออนไลน์) และ Data Scientist Facilitator (อาจารย์เกื้อหนุนสาขาวิทยาศาสตร์ข้อมูล)
ทักษะการทำงานยุคใหม่ Hyper-Relevant Skills ถูกพูดถึงมากที่สุดใน World Economic Forum ว่าเป็นทักษะเชิงการคิดวิเคราะห์, เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมถึงการสื่อสารการทำงานเป็นทีม หากนักศึกษาหรือคนทำงานที่อยู่ในระบบมีทักษะเหล่านี้จะช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นและไม่ว่าจะทำงานในสายอาชีพใด หรืออยากเปลี่ยนเส้นทางเดิน สามารถมองหาโอกาสใหม่ๆ และเปลี่ยนตัวเองได้ทันที
“ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเรียนรู้”
ขอให้ทุกคนสนุกกับการเรียนสิ่งใหม่
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/csr-hr/news-493168
http://www.thailibrary.in.th/2015/04/01/lifelong-learning/
https://today.line.me/th/v2/article/7RanMl
https://thematter.co/brandedcontent/seaclifelong-learning/115842
https://missiontothemoon.co/how-we-can-become-lifelong-learning/
https://www.kroobannok.com/54487