หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับประโยคที่ว่า “ผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคน มีคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น” และน่าจะเข้าใจความหมายกันดีอยู่แล้วว่า ไม่มีใครที่สามารถประสบความสำเร็จด้วยตัวคนเดียวได้ ทุกๆความสำเร็จล้วนมีการสนับสนุนกับใครบางคนเสนอ ไม่ว่าจะเป็น “ทีมงาน” “ครอบครัว” “มิตรภาพดีๆ” “Partner ที่มีคุณภาพ” ฯลฯ แต่อาจจะมีอีก 1 องค์ประกอบที่หลายๆคนอาจจะยังมีความเข้าใจผิดๆ หรืออาจจะยังไม่เคยได้ยินผ่านหูเลยด้วยซ้ำ ที่มีผลกับความสำเร็จในชีวิต ซึ่งนั่นคือ “Life Coach” นั่นเอง
Life Coach ถ้าได้ยินคำนี้ บางคนที่คุ้นหูอาจจะได้ยินมาจากข่าวดังที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา บางคนอาจจะใช้คำว่า Life Coach จำกัดความเวลาที่เห็นคลิปที่คนออกมาพูด Inspirational Speech บางคนอาจจะเรียกคนที่แนะนำแนวทางการใช้ชีวิตว่า “Life Coach” ซึ่งความเข้าใจทั้งหมดนี้อาจจะทำให้หลายๆคนที่กำลังอ่านอยู่สงสัยและแคลงใจว่า “Life Coach” จะมีส่วนมีการประสบความสำเร็จของชีวิตจริงๆหรือ แล้วทำไมเราถึงควรจะมี Life Coach ก่อนจะหาคำตอบของคำถามสองข้อนี้ เราควรจะต้องทำความเข้าใจถึงคำจำกัดความและหน้าที่จริงๆ ของ Life Coach เสียก่อน
Life Coach คืออะไร?
Life Coach คือผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตแขนงหนึ่ง ด้วยการใช้คำถามที่ทรงพลังจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งคำถามเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่โค้ชใช้เพื่อช่วยทำให้เป้าหมายของผู้ที่ถูกโค้ช (Coachee) ชัดเจนที่สุด และวางแผนเส้นทางเพื่อให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ และผลที่ได้รับจากการจัดการกับปัจจุบันก็คือโค้ชจะช่วยให้คุณกำหนดอนาคตของตัวเองได้ โดยกระบวนการทั้งหมด โค้ชจะไม่ให้คำแนะนำเลย ยกเว้นเสียแต่ว่า Coachee จะเอ่ยปากขอคำแนะนำจากโค้ชเอง
จากคำจำกัดความเบื้องต้นน่าจะทำให้หลายๆคนเข้าใจมากขึ้นว่า หน้าที่หลักๆของ Life Coach ถ้าจะให้พูดสั้นๆก็คือ พัฒนาคุณภาพชีวิตของ Coachee เท่านั้นเอง ซึ่งส่วนที่หลายๆคนน่าจะแปลกใจและให้ความสนใจก็น่าจะมีสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือ เราจำเป็นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยหรือ? คำตอบคือ ถ้าคุณอยากจะสร้างผลลัพธ์ได้อย่างโดดเด่นและพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดในแบบของตัวคุณเอง “คุณควรจะต้องมีโค้ช”
ถ้าคำตอบออกมาเป็นแบบนี้หมายความว่า เราไม่สามารถพัฒนาตัวเองโดยที่ไม่มีโค้ชได้เลยหรือ? อยากให้ลองเปรียบเทียบดูกับโค้ชกีฬาที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี ถ้าคุณอยากเล่นกีฬาชนิดหนึ่ง แน่นอนว่าคุณสามารถฝึกซ้อมเองได้โดยที่ไม่ต้องมีโค้ช คุณสามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้แน่นอนโดยที่ไม่มีโค้ช แต่ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างคนที่ฝึกซ้อมด้วยตนเองกับคนที่มีโค้ชช่วยในการฝึกซ้อมว่าผลลัพธ์ของนักกีฬาคนไหนจะออกมาดีกว่ากัน หลายๆคนน่าจะตอบออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า คนที่มีโค้ชน่าจะทำผลงานออกมาได้ดีกว่า ด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่าแน่นอน เพราะโค้ชที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำในการฝึกซ้อมที่เหมาะสม และคุณสามารถใช้เวลาที่มีอยู่กับสิ่งที่ให้ประโยชน์สูงที่สุดกับคุณ กลับกันถ้าคุณฝึกซ้อมเอง นั่นหมายความว่าคุณจะต้องหาข้อมูลเอง ออกแบบตารางฝึกซ้อมเอง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเหล่านั้นจะถูกเลือกมาใช้โดยที่ไม่มีประสบการณ์ช่วยตัดสินเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นความเสี่ยงที่คุณจะลงทุนทรัพยากรเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นกับคุณเท่าไหร่นักก็จะมีค่อนข้างสูง รวมทั้งเวลาที่คุณต้องใช้เพื่อหาข้อมูลและออกแบบตารางทั้งหมดอีก ซึ่งส่วนต่างของเวลาเหล่านี้คือองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้นักกีฬาที่มีโค้ชพัฒนาและสร้างผลลัพธ์ได้มากกว่าและรวดเร็วกว่านั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะเจอความย้อนแย้งอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ในตอนแรกเขียนเอาไว้ชัดเจนมากว่า “โค้ชจะไม่ให้คำแนะนำเลย” แต่ตัวอย่างเมื่อสักครู่ที่เปรียบเทียบกับโค้ชกีฬาบอกว่า “โค้ชกีฬาให้คำแนะนำที่ดีได้” นี่คือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดของ Life Coach จากโค้ชรูปแบบอื่นๆที่คุ้นเคยกัน และเป็นคำถามข้อที่สองที่หลายๆคนสงสัยคือ “ถ้าไม่แนะนำ แล้วโค้ชใช้วิธีอะไรช่วยเรา?” ซึ่ง คำตอบสั้นๆง่ายๆก็คือ “การตั้งคำถาม” นั่นเอง
คำถามช่วยจัดการกับปัจจุบันได้อย่างไร?
เมื่อพูดถึงการสนับสนุนหรือการช่วยเหลือ เราอาจจะคุ้นเคยกับการถูกช่วยเหลือแบบที่ผู้ให้ความช่วยเหลือจัดการให้ตั้งแต่ต้นยันจบ หรือชินกับการได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้างเมื่อเกิดปัญหาขึ้น “คุณมีปัญหาแบบนี้หรือ? ลองทำวิธีนี้ดูสิ” “ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คุณต้องทำแบบนี้” แต่ วิธีการจัดการกับปัจจุบันของโค้ชมืออาชีพไม่ใช่การแนะนำแต่เป็นการตั้งคำถาม
เพราะคำถามที่ดีจะกระตุ้นให้คุณเริ่มคิด เริ่มคุยกับตัวเอง เริ่มหาคำตอบ ซึ่งคำตอบที่ออกมาจะเป็นคำตอบ”ของคุณ” และคำตอบของคุณจะเป็นตัวที่นำไปสู่เส้นทางการเดินของคุณต่อๆ ไป แตกต่างจากคำแนะนำที่อาจจะเป็นคำตอบให้กับปัญหาแต่ละอย่างได้ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบของคุณ ถ้าโลกนี้มีคำแนะนำหนึ่งอย่างที่แก้ปัญหาหนึ่งข้อให้กับคนทุกคนบนโลกได้ แสดงว่าทุกคนก็จะทำวิธีเดียวกันและจัดการกับปัญหานั้นๆ เหมือนกันหมดได้ แต่ความจริงที่ทุกคนก็ทราบกันดีว่า ปัญหาอย่างเดียวกันแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้วิธีแก้ปัญหาเหมือนกันได้ ดังนั้นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาของคุณ มาจากตัวคุณเองเสมอ
คำถามของโค้ชแตกต่างอย่างไร?
“ถ้างั้น แค่รู้ว่าต้องใช้คำถามอะไร ก็สามารถเป็นโค้ชได้ใช่ไหม? และถ้ารู้ว่าต้องใช้คำถามอะไร ก็ไม่จำเป็นจะต้องจ้างโค้ชใช่ไหม?” คำตอบสำหรับคำถามแรกคือ ไม่แน่นอน เพราะการตั้งคำถามเป็นเพียง 1 เครื่องมือที่จำเป็นที่จะต้องมีสำหรับการใช้ทักษะการโค้ชเท่านั้น โค้ชตั้งคำถาม เพราะต้องการคำตอบจาก Coachee ซึ่งความหมายของคำว่า “ต้องการคำตอบ” คือการ “ยอมรับคำตอบ” ของ Coachee ด้วยทักษะอื่นๆและลักษณะเฉพาะที่โค้ชมืออาชีพที่มีใบรับรองการอบรมทุกคนต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้น ก่อนจะสามารถใช้คำถามได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ
เพราะคำถามของโค้ชเปิดกว้างและชัดเจนในเวลาเดียวกัน โค้ชมืออาชีพจะใช้คำถามปลายเปิดเสมอ และในขณะเดียวกันคำถามต่อๆมาจะทำให้ Coachee ได้คำตอบที่ชัดเจนกับตัวเองยิ่งขึ้นในทุกๆมิติของการสร้างผลลัพธ์
– ชีวิตต้องการอะไร ความต้องการนั้นสำคัญแค่ไหนสำหรับคุณ แล้วคุณต้องการมันมากขนาดไหน?
– สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น หรือผลลัพธ์ที่จะต้องเกิดขึ้นเพื่อให้ความต้องการนั้นของคุณเป็นจริงคืออะไร? ผลลัพธ์นี้จะทำให้ความต้องการของคุณนั้นเกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่?
– ถ้าเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นเส้นชัยหรือปลายทางของคุณ ตอนนี้คุณยืนอยู่ตรงไหน? คุณจะต้องไปถึงเส้นชัยเมื่อไหร่? อุปสรรคระหว่างทางที่คุณเห็นตอนนี้มีอะไรบ้าง? อะไรทำให้ตอนนี้คุณไม่ได้ยืนอยู่ที่เส้นชัยในตอนนี้?
– มีโอกาสหรือทรัพยากรอะไรบ้างที่คุณสามารถนำมาใช้เพื่อเป้าหมายและผลลัพธ์ที่คุณตั้งเอาไว้ได้?
– ในตอนนี้คุณจะเริ่มทำอะไรบ้าง เพื่อให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น คุณต้องการผลลลัพธ์อะไรจาก Action เหล่านี้ และ Action เหล่านี้จะทำให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นใช่ไหม?
– Action เหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และต้องเสร็จเมื่อไหร่?
ทั้งหมดนี้คือคำตอบที่คุณจะค้นหาออกมาจากตัวเองได้ ด้วยคำถามต่างๆของโค้ช ซึ่งการใช้คำถามปลายเปิดลักษณะนี้ และการยอมรับคำตอบของ Coachee โดยที่ไม่ใช้อารมณ์และประสบการณ์ของตัวเองตัดสินคือหนึ่งในคุณสมบัติที่คุณจะพบเจอได้จากโค้ชมืออาชีพ
“ถ้าโค้ชยอมรับได้ทุกคำตอบ แสดงว่าคำตอบที่เกินความจริงก็สามารถเป็นไปได้แบบนั้นหรือ?” คำถามนี้ Coachee เท่านั้นที่จะเป็นคนตอบได้ เพราะโค้ชจะถามจนได้คำตอบที่ชัดเจนและมั่นใจว่าเกิดขึ้นได้แน่นอน เพราะทุกคนมีเส้นทางเดินของตัวเองอยู่เสมอ
ยกตัวอย่าง : ผู้ชายคนหนึ่งบอกว่า “ฉันจะรวยด้วยสวนทุเรียนให้ได้!” จากนั้นเขาเดินตรงไปที่ร้านขายเมล็ดพันธ์และไปซื้อเมล็ดถั่วงอกมา หลายๆคนคงจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากได้ทุเรียนแล้วจะซื้อเมล็ดถั่วงอกมาทำไม?” หรือ “บ้ารึเปล่า เมล็ดถั่วงอกมันจะโตขึ้นมาเป็นทุเรียนได้อย่างไร?” ซึ่งนี่ไม่ใช่คำถามที่โค้ชมืออาชีพใช้
โค้ชมืออาชีพจะถามว่า “เมล็ดถั่วงอกเหล่านี้จะช่วยให้คุณปลูกทุเรียนได้อย่างไร?”
คำตอบที่ได้จากชายคนนี้ก็คือ “ถ้าจะรวยจากทุเรียนได้ผมจะต้องดูแลต้นทุเรียนได้ทีละหลายร้อยต้น และตอนนี้ผมไม่ได้มีต้นทุนมากพอจะซื้อเมล็ดทุเรียนได้มากๆ รวมถึงผมไม่มีประสบการณ์ในการดูแลแปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่ด้วย ดังนั้นการซื้อถั่วงอกมาปลูกนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมฝึกฝนดูแลแปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่ได้ โดยที่ไม่เสียเงินมากถ้าหากล้มเหลว และถ้าหากสำเร็จ ถั่วงอกแปลงนี้จะเป็นต้นทุนในการปลูกทุเรียนของผมต่อไป”
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคำตอบที่ออกมาจากชายคนนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่หลายๆคนคิดไว้ และถ้าใช้คำถามแบบแรกๆ “อยากได้ทุเรียนแล้วจะซื้อเมล็ดถั่วงอกมาทำไม?” หรือ “บ้ารึเปล่า เมล็ดถั่วงอกมันจะโตขึ้นมาเป็นทุเรียนได้อย่างไร?” ก็คงจะไม่ได้คำตอบลักษณะนี้ออกมาแน่ๆ และโค้ชมืออาชีพก็จะถามลึกลงไปอีกว่า “คิดว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการฝึกปลูก?” “ความล้มเหลวจะเกิดขึ้นเพราะอะไรบ้าง” “แก้ปัญหาหรือป้องกันปัญหาอย่างไร?” ฯลฯ และติดตามจนชายคนนี้สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ
ซึ่งการจะใช้คำถามเหล่านี้ได้มีประสิทธิภาพที่สุด คุณสมบัติที่โค้ชมืออาชีพต้องมีคือ “เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีทรัพยากรมากพอที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการได้” และคุณสมบัตินี้จะทำให้โค้ชมืออาชีพฟังคำตอบได้โดยที่ไม่ตัดสิน ซึ่งการฟังโดยที่ไม่ตัดสินนี้นอกจากความเชื้อนี้แล้ว ยังจำเป็นจะต้องฝึกฝนอย่างเข้มข้นอีกด้วย ใช่แล้วครับอ่านไม่ผิด การฟังอย่างไม่ตัดสินจะต้องฝึกฝนอย่างเข้มข้น เพราะธรรมชาติของมนุษย์เราจะมีเสียงหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาแสดงความเห็นทันทีที่เราได้รับข้อมูลบางอย่าง (Automatic thought) ซึ่งเสียงเหล่านั้นจะเต็มไปด้วยความเห็นที่มาจากประสบการณ์ของเรา ซึ่งจะส่งผลให้เรา “ตัดสิน” สิ่งที่เรากำลังได้ยินอยู่ ดังนั้นโค้ชมืออาชีพจะต้องทันตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงเหล่านั้นกลายเป็นคำตัดสินที่อาจจะส่งผลจาก Coachee ได้
ลองคิดเล่นๆ ว่าคำว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือคำว่า “เกินจริง” ทำให้เราจำกัดอนาคตของตัวเองมากแค่ไหน ถ้าหาก 110 กว่าปีก่อน พี่น้องตระกูล Wright ถูกจำกัดด้วยคำว่า “เป็นไปไม่ได้” “ความฝันของพวกเขามันเกินจริง” เราจะมียานพาหนะทางอากาศใช้กันสะดวกสบายในปัจจุบันหรือไม่ ถ้าหากเมื่อ 50 กว่าปีก่อน John F. Mitchell และ Martin Cooper ผู้ที่สร้างโทรศัพท์มือถือในยุคนั้นโดนจำกัดความเป็นไปได้ด้วยคำว่า “เป็นไปไม่ได้” เราจะสามารถพัฒนา Smart Phone มาใช้ในปัจจุบันได้ไหม และในปัจจุบัน Elon musk ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ฉีกกฎความเป็นไปได้ที่เรารับรู้และเข้าใจมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดการทดสอบแรกของโปรเจค Mars City หรือโปรเจคเมืองบนดาวอังคารก็ถูกประกาศออกมาว่าประสบความสำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อย ถ้าเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่โนคำว่า “เป็นไปไม่ได้” มาจำกัดความเชื่อของเขา โปรเจคเกินฝันที่หลายๆคนไม่เคยคิดถึงนี้จะเกิดขึ้นได้ไหม?
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทักษะการโค้ชที่ Life coach มีเพื่อช่วยและสนับสนุนให้ Coachee บรรลุเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ได้เท่านั้น เมื่อเห็นประโยชน์ของการมีโค้ชแล้ว คำถามที่อาจจะเกิดขึ้นคือ ฉันต้องการโค้ชไหม? นอกจากการสร้างผลลัพธ์แล้วยังมีเหตุผลหลายข้อที่ ถ้าคุณสังเกตตัวเองได้ว่าคุณมีสิ่งเหล่านี้ติดอยู่ในหัว คุณอาจจะต้องการ Life Coach มากกว่าที่คุณคิด
- ไม่ชัดเจนกับชีวิต
ความไม่ชัดเจนไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังลำบากอยู่เสมอไป คุณอาจจะกำลังประสบปัญหาหรือไม่ก็ได้ แต่คุณจะรู้สึกว่าชีวิตมันไร้เป้าหมาย สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับมรสุมชีวิตอยู่คุณจะรู้สึกว่านี่คุณกำลังทำทั้งหมดนี่ไปทำไม อะไรทำให้คุณต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ หรือสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรคุณอาจจะกำลังคิดอยู่ว่าท้ายที่สุด คุณต้องการอะไร ความหมายในชีวิตของคุณคืออะไร
โค้ชมืออาชีพจะใช้คำถามแบบที่กล่าวมาข้างต้น และสะท้อนมุมมองที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตก็ได้ เพราะมนุษย์เราตัดสินใจลงมือทำอะไรบางอย่างเพราะเราเห็นประโยชน์จากการกระทำนั้นๆ ซึ่งถ้าทุกวันนี้คุณกำลังลงมือทำอะไรบางอย่างอยู่แต่คุณไม่รู้ว่าคุณทำมันไปทำไม จริงๆ แล้วคุณมีเหตุผลอยู่แน่นอน ไม่เช่นนั้นคุณคงจะไม่ลงมือทำแน่ๆ ดังนั้น หน้าที่ของโค้ชมืออาชีพคือการฟังคำตอบของคุณ และสะท้อนในทุกๆ แง่มุมที่คุณพูดออกมา มุมมองที่สามจากโค้ชมืออาชีพที่ถูกฝึกมาให้ไม่ตัดสิน และใช้คำถามปลายเปิดจะทำให้คุณเห็นว่าตัวคุณเองให้คุณค่ากับสิ่งใดอยู่ และกำลังลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่ออะไร
- ไม่รู้ว่าทำไมยังไม่ถึงเป้าหมาย
คุณรู้ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร เส้นชัยของคุณชัดมาก แต่คุณไปไม่ถึงเป้าหมายสักทีไม่ว่าคุณจะทำอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นมิติไหนของชีวิตคุณก็ตาม “ความสัมพันธ์” “การเงิน” “สุขภาพ” ฯลฯ ซึ่งถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้อยู่ คุณอาจจะต้องการโค้ช
เพราะโค้ชมืออาชีพจะใช้การตั้งคำถามอย่างเป็นระบบเพื่อช่วยคุณวางแผนที่เป็นไปได้และมีประสิทธิภาพที่สุดที่จะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายด้วย และที่สำคัญวัดผลละกำหนดเวลาได้แน่นอน ซึ่งการวัดผลนี้จะทำให้คุณมองเห็นปัญหาที่คุณอาจจะมองข้ามไปมาก่อน หรือเห็นวิธีแก้ที่คุณอาจจะไม่ทันคิด การกำหนดเวลาจะทำให้คุณไม่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากเกินไป และกระตุ้นให้คุณ Active กับการลงมือทำอยู่เสมอ ซึ่งโค้ชจะคอยเป็นผู้ช่วยและติดตามผลอยู่ข้างคุณเสมอ
- อยากเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ถ้าคุณมีความคิดอยากจะท้าทายขีดความสามารถของตัวเอง อยากพัฒนาไปอยู่ในระดับที่ตัวเองยังไม่เคยเอื้อมถึงมาก่อน โค้ชมืออาชีพคือคนที่จะช่วยให้คุณสามารถเติบโตได้อย่างที่คุณหวังเอาไว้ เพราะการใช้คำถามและสะท้อนเพื่อช่วยคุณวางแผนจะทำให้คุณมองเห็นโอกาสที่จะสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะคุณจะมองเห็นจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจน และเห็นแนวทางใหม่ๆที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน คำถามที่ว่า “มีทรัพยากรอะไรบ้างที่คุณยังไม่ได้ใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง” “มีใครบ้างที่คุณสามารถขอคำปรึกษาได้?” “มีใครบ้างที่สามารถโตได้ในแบบที่คุณต้องการ และเขามีแนวคิดอย่างไร?” คำถามปลายเปิดเหล่านี้จะทำให้คุณเปิดมุมมองที่อยู่นอกเหนือจากประสบการณ์และความเชื่อของคุณ
และเมื่อคุณเลือกทางเดินที่จะทำให้คุณพัฒนาได้รวดเร็วด้วยตัวของคุณเองแล้ว โค้ชก็จะอยู่เคียงข้างคุณคอยใช้คำถามเพื่อสร้างความชัดเจนและแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมกับติดตามผลไปด้วยกันกับการเติบโตของคุณ
- สับสน
ความสับสนมีหลายรูปแบบ คุณอาจจะอยู่ในจุดที่ต้องเลือกระหว่างสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และการเลือกนี้ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเลือกได้อะไรบางอย่างเสมอไป แต่การเลือกว่าอาจจะต้องปล่อยอะไรบางอย่างไปอาจจะทำให้คุณมีความเครียดมากกว่าที่คุณคิด หรือคุณอาจจะกำลังสับสนกับเส้นทางการเดินอยู่ก็ได้ คุณอาจจะกำลังยืนอยู่ในทางแยกและไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าคุณจะเลี้ยงซ้ายหรือเลี้ยวขวาดี
โค้ชมืออาชีพจะช่วยให้คุณชัดเจนกับความหมายของการสับสนครั้งนี้มากยิ่งขึ้น เพราะการสับสนเกิดขึ้นเพราะคุณกำลังเห็นคุณค่าของทั้งสองสิ่ง หรืออาจจะมากกว่าสองก็ได้ ซึ่งบางครั้งคุณคิดว่าคุณไม่สามารถเลือกทั้งสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน คุณกำลังอยู่ในจุดที่ต้องเลือกว่าคุณจะไปทางซ้ายหรือทางขวา โค้ชจะใช้คำถามปลายเปิดที่อาจจะทำให้คุณมองเห็นทางตรงก็เป็นได้ คุณลองคิดดูว่าในเมื่อพี่น้องตระกูล Wright เลือกที่จะบิน และ Elon musk เลือกที่จะพัฒนาโปรเจค Mars city เพื่อจะไปอยู่ดาวอังคารได้ ทางเลือกที่สามซึ่งเป็นทางออกที่จะทำให้คุณมีความสุขได้อาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด ถ้าคุณมีโค้ชมืออาชีพคอยสนับสนุนอยู่
- อยากได้แรงจูงใจ
คุณมีเป้าหมาย คุณมีวิธีการ คุณมีเส้นทางเดิน แต่คุณหมดไฟไปซะเฉยๆ แล้วคุณก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าทำไมคุณถึงหมดไฟแบบนี้ ทั้งๆ ที่เป้าหมายที่คุณตั้งมีความหมายกับคุณมาก เส้นทางเดินคุณก็วางแผนมาอย่างดี แต่ทำไมคุณถึงไม่มีแรงกระตุ้นที่จะทำให้คุณกลับมาลงมือทำได้เหมือนเดิม
บางครั้งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเรามันไม่ได้เป็นเพราะปัจจุบันเสมอไป ความเครียด ความกดดันที่เกิดขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่หลายคนมองไม่เห็นและกำลังส่งผลกับตัวคุณอยู่ในตอนนี้คือ อดีตที่เคยแบกรับเอาไว้ ซึ่งโค้ชมืออาชีพจะมีทักษะการฟังที่ดีพอจะสามารถจับประเด็นบางอย่างที่แฝงอยู่ในคำตอบของคุณได้ ทั้งคำพูด สีหน้าท่าทาง ภาษากาย และโค้ชมืออาชีพจะใช้คำถามที่เหมาะสมเพื่อให้คุณค้นหาคำตอบที่เกิดขึ้นว่า อะไรทำให้คุณอยู่ในสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ค่อนข้างจะชัดเจนแล้วว่า ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาแบบไหน คุณจะมีเป้าหมายอย่างไร คุณอยากได้ผลลัพธ์แบบไหน โค้ชมืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝนมาจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่จะดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวคุณออกมาสร้างผลลัพธ์เพื่อเป้าหมายในแบบที่คุณต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในมิติไหนของชีวิตคุณก็ตาม ดังนั้นคำถามสุดท้ายของบทความนี้คือ
คุณพร้อมหรือยัง ที่จะให้ Life Coach เข้ามาช่วยให้คุณดึงทรัพยากรและศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณ เพื่อสร้างผลลัพธ์ในชีวิตและพัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปอีกระดับ
.
.
ติดตาม Life Elevated ได้ที่
Website: www.lifeelevated.club/
Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ
Twitter: @lifeelevatedCLB
Instagram: @lifeelevatedclub
Line OA: @lifeelevatedclub
Blockdit: Lifeelevatedclub
Youtube: Life Elevated Club
.
.
#LifeElevated #LifeCoach #ไลฟ์โค้ช
.
.
อ้างอิง :
https://thestandard.co/news-thaiand-lifecoach/
https://www.one31.net/news/detail/28871
https://www.sanook.com/news/8082262/
https://www.blockdit.com/posts/5efaf2be0d45460e5b27b7a4