ควรทำอย่างไร? ลูกเข้าสู่วัยรุ่นไม่อยากปรึกษาพ่อ – แม่
คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเริ่มรู้สึกใจหาย เมื่อเห็นลูกก้าวข้ามช่วงวัยจากเด็กเล็กเป็นเด็กโต และน่าจะใจหายมากขึ้นเมื่อลูกเติบโตจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ วันแห่งฮอร์โมน และความเข้าใจยาก จนบางครั้งคุณพ่อคุณแม่เองก็แทบจะปรับตัวและปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงลูกวัยรุ่นแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเมื่อลูกเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็คือ ลูกเริ่มทำตัวห่างเหิน ลูกมีสังคมมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีโลกส่วนตัวมากขึ้น อาจจะติดเพื่อนและโรงเรียนมากกว่าคุณพ่อคุณแม่ เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าคิด กล้าเถียง และขัดใจคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น จนเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวได้ง่าย
และเมื่อลูกวัยรุ่นมีปัญหา จากที่เคยนึกถึงหรือขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่เป็นอันดับแรก ก็กลับกลายเป็นคนไม่พูดไม่จา ยิ่งเก็บตัว และมองหาที่พึ่งนอกบ้าน เช่น กลุ่มเพื่อนมากขึ้น
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากเป็นพ่อแม่ที่ลูกวัยรุ่นห่างเหิน ปิดบัง และไม่ยอมเล่าปัญหาอะไรให้ฟังเลยล่ะก็ Life Elevated มีเทคนิคดีๆ มาฝาก
- เข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่น
เราต่างเคยเป็นวัยรุ่นมาก่อนใช่ไหม ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ควรเข้าใจว่าวัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และความคิด ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลให้ลูกมีพฤติกรรมต่อคุณพ่อคุณแม่เปลี่ยนไป เช่น ต้องการมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น มีเรื่องส่วนตัวมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่เองก็ควรเคารพและให้เกียรติพื้นที่ส่วนตัวของลูกมากขึ้น ด้วยการเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ไม่เซ้าซี้ลูกมากเกินไป และแทนที่จะคอยถามหรือบังคับให้ลูกเล่าทุกอย่างให้ฟัง ลองใช้วิธีพูดคุยหรือให้คำปรึกษาเท่าที่ลูกต้องการก็ได้
- ไม่ควรตำหนิและดูถูกความคิดลูก
วัยรุ่นเป็นวัยที่กล้าคิดกล้าทำ สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรตำหนิหรือดูถูกความคิดของลูก เพราะจะยิ่งทำให้ลูกวัยรุ่นรู้สึกต่อต้าน หรือรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถเข้าใจเขาได้ ดังนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องการแสดงความคิดเห็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูก ควรใช้วิธีรับฟังลูกให้มาก และให้ปรึกษาในเชิงแนะนำหรือเพิ่มทางเลือกให้ลูก โดยไม่ตัดสินในสิ่งที่ลูกตัดสินใจไปแล้ว
- ช่วยลูกคิดแก้ปัญหา
วัยรุ่นย่อมมีความเสี่ยงที่จะมีเรื่องไม่สบายใจ มีเรื่องให้คิดและวิตกกังวลมากขึ้น หรือบางครั้งลูกวัยรุ่นก็มีโอกาสที่จะทำอะไรผิดพลาด แต่สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่เองควรตั้งสติ ไม่ตีโพยตีพาย โวยวายหรือโทษว่าเป็นความผิดของลูกไปทั้งหมด เพราะในช่วงเวลาที่ลูกทำผิดพลาด ลูกก็ย่อมอยากได้คนที่เข้าใจและคนที่ช่วยคิดวิธีแก้ปัญหามากกว่า
- ชวนลูกพูดคุยให้มากขึ้น
คุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกเปิดใจพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ได้ควรเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้ลูกวางใจที่จะเล่าหรือพูดคุยทุกเรื่องให้ฟังได้อย่างสนิทใจ ถ้าลูกไม่เป็นฝ่ายเริ่ม คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเปิดใจเข้าหาลูกก่อน ลองขอความเห็นหรือปรึกษาเรื่องทั่วไปกับลูกดูบ้าง พฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าการแบ่งปันเรื่องราวกันภายในครอบครัวเป็นเรื่องธรรมดา
.
.
ติดตาม Life Elevated ได้ที่
Website: www.lifeelevated.club/
Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ
Twitter: @lifeelevatedCLB
Instagram: @lifeelevatedclub
Line OA: @lifeelevatedclub
Blockdit: Lifeelevatedclub
Youtube: Life Elevated Club
