Home Body “ร้องไห้” แล้วได้อะไร?

“ร้องไห้” แล้วได้อะไร?

by Lifeelevated Admin2

ถึงแม้ว่าการร้องไห้จะถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ แต่สำหรับทางการแพทย์แล้ว การร้องไห้ช่วยให้คนเราสามารถกำจัดอารมณ์ที่ขุ่นมัว คลายเครียด ช่วยให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง

Stephen Sideroff ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์และชีวะพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าการที่คนทั่วไปมักเห็นว่าการร้องไห้ ซึ่งก็คือการแสดงออกทางอารมณ์ เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรนั้นเริ่มต้นมาจากสมัยที่เรายังเป็นเด็ก โดยเด็กๆ มักจะถูกสอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และบางครั้งเมื่อเด็กร้องไห้ก็จะถูกพ่อแม่ดุและบอกให้หยุดร้องไห้มิฉะนั้นจะถูกตี

หลายๆ คนได้เรียนรู้ว่ามีความรู้สึกหลายๆ อย่าง เช่น ความโกรธหรือความขุ่นเคืองที่เราไม่ควรจะแสดงออกมา เมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะควบคุม และบางครั้งก็สามารถระงับและยับยั้งความรู้สึกนี้เอาไว้ อย่างไรก็ตามเมื่อเราเก็บอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้ในสมอง เรายังเก็บมันไว้ในร่างกายของเราอีกด้วย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Sideroff อธิบายว่าความรู้สึกเหล่านี้ล้วนมีพลังงาน การที่มนุษย์เราต้องเก็บกดความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในรูปแบบที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่รบกวนกระบวนการทั้งทางธรรมชาติ สัญชาตญาณ และยังเป็นการสร้างความไม่สมดุลด้วย เนื่องจากร่างกายของเรายังคงมีความต้องการอยู่ โดยเขายกตัวอย่างว่าหากรู้สึกหิวเราก็ต้องหาอาหารทานเพื่อแก้ไขและจัดการกับความไม่สมดุลที่เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเรารู้สึกเศร้า เสียใจ หรือโกรธเคือง เราก็ควรหาทางแก้ไขความไม่สมดุลนั้นเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเราอาจแสดงความรู้สึกที่ไม่สมดุลเหล่านั้นออกมาในวิธีที่ไม่เหมาะสม เช่นการใส่อารมณ์กับครอบครัวหรือเพื่อนๆ เป็นต้น

นอกจากนี้แล้วการควบคุมอารมณ์ยังอาจทำให้คนเราไม่สามารถสัมผัสกับความรู้สึกในเชิงบวกเช่นความสุขและความรักได้อีกด้วย

นักจิตวิทยาอธิบายว่าน้ำตามีอยู่สามประเภทด้วยกัน ประเภทที่หนึ่งคือน้ำตาแห่งอารมณ์ซึ่งเกิดจากความรู้สึกที่รุนแรงเช่นความสุขหรือความเศร้า ประเภทที่สองคือน้ำตาซึ่งช่วยหล่อลื่นดวงตา และสุดท้ายคือน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อฝุ่นหรือละอองจากหัวหอมสร้างความระคายเคืองต่อดวงตา และมนุษย์เป็นสัตว์โลกประเภทเดียวที่สามารถมีน้ำตาจากอารมณ์ได้

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ Stephen Sideroff กล่าวว่าการร้องไห้ซึ่งเหมือนเป็นการแสดงความอ่อนแอออกมานั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะคนเราไม่สามารถตั้งการ์ดป้องกันตัวเองได้ตลอดเวลา ดังนั้นการแสดงความอ่อนแอและลดการ์ดลงบ้างจะช่วยคลายความกดดันและความตึงเครียดได้

มีรายงานว่าคนเรามักรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้ร้องไห้ นั่นอาจเป็นเพราะการร้องไห้ทำให้เราได้สำรวจตรวจดูสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ของเราและหาทางก้าวผ่านอารมณ์และความคิดเหล่านั้นไปได้

Lauren Bylsma ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์และจิตวิทยา มหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าการร้องไห้อาจช่วยให้เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา โดยเฉพาะหากร้องไห้กับสิ่งที่ทำให้เสียใจโดยที่ไม่คาดคิด และว่าคนบางคนอาจรู้สึกดีกว่าเวลาที่ร้องไห้คนเดียวหรือในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย มากกว่าในที่ที่อาจทำให้รู้สึกอาย เช่นในที่ทำงาน

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการสะกดกลั้นน้ำตาอาจส่งผลเสียต่อตัวเอง และความรู้สึกที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการจัดการนั้นยังเป็นเส้นทางสำคัญที่นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าอีกด้วย

Dr. Judith Orloff ผู้แต่งหนังสือ “The Empath’s Survival Guide: Life Strategies for Sensitive People” และจิตแพทย์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าการร้องไห้เป็นวิธีการปลดเปลื้องความทุกข์ที่สำคัญ และยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับความสูญเสีย ความไม่แน่นอน และความเครียดที่เกิดจากการเกิดโรคระบาดใหญ่อีกด้วย และว่าไม่มีใครที่อยากจะกลายเป็นคนด้านชาหรือต้องหันไปพึ่งพายาเสพติด ดังนั้นเราควรจะอาศัยกลไกการรักษาตามธรรมชาติของร่างกาย นั่นก็คือการร้องไห้ เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง

 

 

 

อ้างอิง

https://www.scimath.org/article-biology/item/9813-2019-02-21-07-56-33

https://bit.ly/3luFciU

https://www.voathai.com/a/crying-is-good-for-you/5520258.html

https://bit.ly/3lqnZqv

https://www.js100.com/en/site/post_share/view/91074

https://www.bbc.com/thai/international-54372320

Related Articles

Leave a Comment