หลายๆ ครั้งเราจะนึกว่า เรื่องของความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ เนื่องจากคิดเอาเองว่าพออายุมากขึ้นความคิดสร้างสรรค์ก็จะลดน้อยลง แต่ผลจากงานวิจัยล่าสุดที่จะปรากฎลงในนิตยสาร DeEconomist กลับพบว่าจริงๆ แล้วคนจะขึ้นถึงจุดสูงสุดของการคิดสร้างสรรค์ใน 2 ช่วงคือ ช่วงอายุ 20 กว่า และ 50 กว่า
ผลการค้นพบดังกล่าวมาจากงานวิจัยของอาจารย์จาก Ohio State University ที่ชื่อ Bruce Weinberg และคณะ ที่พวกเขาได้มีการศึกษาผลงานในแต่ละช่วงอายุของผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์จำนวน 31 คน และพบว่าความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่ยังเยาว์วัยอยู่เพียงอย่างเดียว (เหมือนที่เข้าใจกัน) เพียงแต่ความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นในช่วงอายุ 20 กับช่วงอายุ 50 นั้นเป็นความคิดสร้างสรรค์คนละรูปแบบกัน
ในช่วงอายุ 20 กว่านั้นความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นเรียกว่าเป็นแบบ Conceptual นั้นคือการคิดออกนอกกรอบ ท้าทายต่อความคิดเดิมๆ และสามารถคิดไอเดียใหม่ๆ ได้โดยฉับพลัน ส่วนความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นในช่วง 50 กว่านั้น เป็นแบบ Experimental ที่สะสมความรู้มาจากประสบการณ์และวิชาชีพ ทำให้สามารถค้นหาวิธีการที่จะวิเคราะห์ บูรณาการ และแปลความหมายของข้อมูลได้ในมุมมองใหม่ๆ ซึ่งพวกที่เป็นนักคิดแบบ Conceptual นั้น ความคิดสร้างสรรค์จะขึ้นสูงสุดในอายุ 27 หรือ 29 ส่วนนักคิดแบบ Experimental นั้นความคิดสร้างสรรค์จะขึ้นสูงสุดที่อายุ 57
ทางผู้วิจัยระบุอีกด้วยว่าผลการค้นพบนี้ไม่ใช่สำหรับในด้านเศรษฐศาสตร์เท่านั้น แต่เป็นการยืนยันในงานอื่นๆ ที่เคยมีการศึกษามาก่อนหน้านี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีงานวิจัยที่พบเหมือนกันว่าสำหรับนักกลอนและนักฟิสิกส์นั้น จะผลิตผลงานที่ดีออกมาในช่วงอายุ 20 กว่า ส่วนนักประพันธ์และนักชีววิทยานั้นจะสร้างสรรค์สุดในช่วงวัยกลางคน
ดังนั้นถ้าจะอ้างอิงจากผลงานวิจัยดังกล่าว ก็พอจะกล่าวได้ว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นกับเฉพาะคนรุ่นหนุ่มสาวเท่านั้น คนวัย 50 กว่า ก็มีสิทธิ์อย่างมากที่จะคิดสิ่งใหม่ๆ ออกมาได้เช่นเดียวกัน
หลังจากเห็นงานวิจัยดังกล่าวเลยอยากจะทราบว่ามีงานวิจัยอื่นๆ ที่พยายามศึกษาถึงช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับเรื่องราวต่างๆ อีกหรือไม่ ซึ่งก็ได้ไปพบบทความใน Wall Street Journal เมื่อต้นปี 2561 ที่ชื่อ What is the Perfect Age? ที่พยายามรวบรวมผลการวิจัยต่างๆ ที่ระบุช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการทำเรื่องราวหรือกิจกรรมต่างๆ ไว้ ซึ่งก็มีหลายๆ ประเด็นที่น่าสนใจ
โดยในบทความนั้น ได้อ้างอิงผลงานวิจัยต่างๆ และระบุว่า อายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแต่งงานคือระหว่าง 28 ถึง 32 ส่วนอายุที่เหมาะที่สุดสำหรับการมีบุตรคือก่อน 32 ส่วนสุภาพสตรีส่วนใหญ่ที่ไปพบแพทย์ในด้านความงามและผิวหนังนั้น เมื่อนำรูปของตนเองไปให้เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบและอ้างอิงนั้น ก็มักจะเป็นรูปในวัย 36 (แสดงให้เห็นว่าสุภาพสตรีส่วนใหญ่พอใจกับรูปโฉมตนเองในวัย 36) สำหรับผู้ที่ชอบวิ่งมาราธอนนั้นพบว่าอายุที่เหมาะสมที่จะทำให้ผลงานออกมาดีที่สุดนั้นอยู่ที่ 27 ปี สำหรับสุภาพบุรุษ และ 29 ปีสำหรับสุภาพสตรี
สำหรับการตัดสินใจทางการเงินนั้น ผลวิจัยพบว่าความรู้ทางการเงินของคนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ปีจนกระทั่งอายุ 50 จะถือว่าขึ้นสู่จุดสูงสุด หลังจากอายุ 60 ความรู้ทางทางเงินก็จะลดลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันที่อายุ 43 จะเป็นช่วงที่ความสามารถในการ Focus ถึงจุดสูงสุด ส่วนความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นจะสูงสุดช่วงอายุ 40-50 ปี
นอกจากนี้จากผลการสำรวจยังพบว่า ถ้าคนจะต้องมีชีวิตยืนยาวไปตลอดกาลโดยมีสุขภาพที่ดีนั้น อายุเฉลี่ยที่คนส่วนใหญ่อยากจะคงไว้คือที่อายุ 50 โดยสำหรับสุภาพบุรุษนั้นคือที่ 47 ปี และ 53 ปี สำหรับสุภาพสตรี
ผลการวิจัยต่างๆ ข้างต้น เป็นการศึกษาของโลกตะวันตก และขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าผลการวิจัยหรือทดลองจากกลุ่มตัวอย่างหนึ่งจะสะท้อนภาพทุกคนในโลกได้หมด แต่อยากน้อยก็น่าจะพอทำให้เห็นได้ว่าร่างกายเรามีช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมหรือการทำงานที่แตกต่างกัน ก็คงจะต้องหาของตนเองให้เจอเท่านั้นเอง
.
.
ติดตาม Life Elevated ได้ที่
Website: www.lifeelevated.club/
Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ
Twitter: @_lifeelevated_
Instagram: @lifeelevatedclub
Line OA: @Lifeelevated
Blockdit: Life Elevated
.
.
อ้างอิง : นิตยสาร DeEconomist