การอ่านหนังสือสำหรับใครบางคนอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่อีกหลายคนกลับเล็งเห็นว่านี่คือการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด จึงให้ความสำคัญกับการอ่านเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นก็คือ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” นักลงทุนมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัท Berkshire Hathaway ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง สนใจเรื่องของการลงทุนตั้งแต่อายุ 11 ปี จนได้รับฉายาให้เป็นพ่อมดทางด้านการลงทุน และเป็นบุคคลติดอันดับร่ำรวยที่สุดในโลก
ซึ่งเคล็ดลับความสำเร็จ ที่เขาใช้จนประสบความสำเร็จอย่างถึงที่สุดในปัจจุบันนี้ เกิดจากนิสัยเพียงหนึ่งเดียวของเขา นั่นคือ “รักการอ่าน”
วอร์เรน บัฟเฟตต์ อ่านหนังสือวันละ 500 หน้า
วอร์เรน บัฟเฟตต์ คลั่งไคล้การอ่านหนังสือมาก ในหนึ่งวันจะตื่นเช้ามาเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และใช้เวลาไปกว่า 80% ของวันไปกับการอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นเคล็ดลับการเพิ่มความรู้ให้ตัวเองเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองทุกอย่างที่ควรจะเป็น แล้วใช้เป็นแนวคิดประกอบการตัดสินใจต่างๆ
เคยมีคนถามเกี่ยวกับเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” จึงชี้ไปที่ชั้นหนังสือที่มีหนังสือวางเรียงอยู่ พร้อมบอกว่า “เคล็ดลับการเพิ่มความรู้ คือการอ่านหนังสือเหล่านั้นวันละ 500 หน้า ซึ่งความรู้จะสะสมไปเรื่อยๆ เหมือนดอกเบี้ยที่ทบต้นทบดอก”
“ความสำเร็จไม่ใช่ปาฏิหาริย์ หรือเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่เป็นทักษะธรรมดาๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ทำ”
อ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ช่วยอะไร หากคุณไม่ได้คิดตามอย่างจริงจัง
หลักในการอ่านหนังสือของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ไม่ได้อ่านเพื่อให้จบ แต่อ่านและจับใจความสำคัญที่หนังสือแต่ละเล่มต้องการจะสื่อ แล้วนำมาคิดวิเคราะห์ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ
“ผมอ่าน แล้วก็คิดตาม ผมจะอ่านให้มากขึ้น และจะคิดให้ยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ตัดสินเรื่องต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ถือเป็นทักษะพื้นฐานขอแค่คุณมีทัศนคติในการมองโลกจากแง่มุมและวิธีคิดที่ต่างออกไป คุณจะได้เรียนรู้และทำสิ่งใหม่ๆ ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ ซึ่งหนังสือคือตัวเปิดโลกที่น่าสนใจ และเป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง
คนรวยระดับโลกกว่า 1,200 คน มีนิสัยรักการอ่าน
นอกจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่อ่านหนังสือแล้วช่วยให้ประสบความสำเร็จ สตีฟ ซีโบลด์ ผู้เขียนหนังสือ “How Rich Prople Think” ได้สัมภาษณ์มิลเลียนแนร์ 1,200 คนทั่วโลก พบว่าคุณลักษณะ (trait) หนึ่งที่เหมือนกันของคนกลุ่มนี้ก็คือ ทุกคนอ่านหนังสือทุกอย่างตั้งแต่ Self-Improvement ไปจนถึงหนังสืออัตชีวประวัติ
“การอ่านเป็นจุดร่วมที่ทุกคนมีเหมือนกัน ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จทั้ง 1,200 คน มีความชอบหนังสือในแต่ละประเภทที่ต่างกัน แต่การอ่านก็ถือเป็นเหมือนนิสัยพื้นฐานของผู้ที่ประสบความสำเร็จมี”
งานวิจัย Journal of American Academy of Neurology พบว่า คนที่ทำกิจกรรมที่กระตุ้นความคิดบ่อยๆ เช่น การอ่านจะสามารถชะลอความเสื่อมของสมองได้มากกว่าคนที่ไม่ทำกิจกรรมเหล่านี้ ทั้งนี้ในงานวิจัยอื่นยังบอกด้วยว่าการอ่านนิยายที่ดี ยังสามารถทำให้คุณมีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) เพิ่มขึ้นด้วย
หนังสือถือเป็นอาหารสมองที่ช่วยบำรุงความรู้และประเทืองปัญญา เชื่อว่าทุกคนรู้ถึงประโยชน์และข้อดีของการอ่านหนังสืออยู่แล้ว จึงอยากให้ลองอ่านหนังสือให้มากขึ้น แล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเองอย่างคาดไม่ถึง อะไรที่ไม่เคยได้รู้ก็ได้รู้ สถานที่ไม่เคยได้ไปก็จะได้เห็น มาเปิดโลกกว้างไปกับการอ่านหนังสือกันดีกว่า
.
.
อ้างอิง :
https://education.kapook.com/view65127.html
http://www.90degreelearning.com/warren-buffet-reading-habit
https://book.mthai.com/all-books/11897.html
https://thestandard.co/podcast/thesecretsauce51/
https://today.line.me/…/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0…
https://sumrej.com/5-things-warren-does-after-work-5-2016/
https://www.unlockmen.com/piyaphan-make-billion
https://www.wegointer.com/2015/06/the-importance-of-reading/
https://www.satapornbooks.co.th/…/spb_knowledge/1/99/10-
