Home Mind ทำงานแล้ว “หมดไฟ” ทำอย่างไรถึงให้ “มีชีวิตชีวา” อีกครั้ง

ทำงานแล้ว “หมดไฟ” ทำอย่างไรถึงให้ “มีชีวิตชีวา” อีกครั้ง

by Lifeelevated Admin1

“จุดอิ่มตัว”

ในการทำงาน ซึ่งบางครั้งเราอาจเรียกว่าการหมดไฟ หรือภาวะ Burnout เพราะรู้สึกว่าการทำงานนี้ไม่สนุกอีกต่อไปและส่งผลให้เบื่อหน่ายกับการทำงาน ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับคนทำงานหลายคน ที่แม้จะได้ทำงานที่รักแค่ไหน แต่เมื่อทำไปนานๆ เข้า ความท้าทายที่เคยมีก็อาจจะหายไป

ใครที่กำลังเผชิญหน้ากับอาการหมดไฟอยู่ แล้วอยากจะกลับมามีชีวิตชีวาดั่งวันแรกที่รู้ว่าบริษัทรับเราเข้าทำงานจะต้องทำอย่างไร?

รับรู้ถึงคุณค่าของงานที่เราทำ

บางคนเรียนจบมาสูง บางคนเรียนเก่งมาก จบมาจากเมืองนอกเมืองนา ได้เกียรตินิยม แต่พอมาทำงานจริงๆ ในองค์กรกลับรู้สึกว่าได้ทำงานจิ๊บจ๊อยไม่สมกับที่เรียนมา ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย แม้ว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินเดือนที่สูงตามคุณวุฒิที่มีก็ตามที สถานการณ์เช่นนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก ก็คือคุณอย่าดูถูกดูแคลนงานที่กำลังทำอยู่ จงรับรู้ว่าอย่างน้อยก็ทำให้คุณมีรายได้สะดวกสบาย เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ จงทำอย่างเต็มที่ให้มีประสิทธิภาพ และทำให้เสร็จเร็วที่สุดตามความสามารถที่คุณมี ซึ่งนั่นจะย่อมช่วยทำประโยชน์ต่อองค์กรได้มากกว่าการที่คุณเฉื่อยชาไม่ให้ความสำคัญกับมัน

เวลาที่เหลือหลังจากทำงานเสร็จคุณสามารถนำไปใช้พัฒนาศักยภาพต่างๆ ให้กับตัวเอง รวมถึงจัดเตรียมข้อเสนอแนะดีๆ ให้กับองค์กร และช่วยเหลือทีมงานคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อจะได้ขับเคลื่อนให้องค์กรก้าวหน้าไปพร้อมกัน อย่าน้อยใจว่าตนได้ทำงานไม่สมกับความรู้ เพราะถึงเวลา ความรู้ที่คุณมีรับรองว่าได้ใช้แน่นอน หากไม่ได้ใช้ในงานหลัก ก็สามารถใช้หารายได้เสริมได้

ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง

เมื่อรู้สึกตัวว่างานที่กำลังทำอยู่นั้น กำลังกลายเป็นงานที่ทำให้เสร็จๆ ไป รอเพียงเวลาเลิกงานแล้วค่อยลุกออกจากออฟฟิศ สิ่งแรกที่เราควรทำก็คือปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นยืนด้วยความเชื่อมั่น คำนวณความเสี่ยง และเดินเข้าหาโอกาสใหม่ๆ ที่เราคิดว่าเราสามารถทำได้ ซึ่งโอกาสนั้นต้องมีความพอดี หากมีเพื่อนสนิทหรือที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำเราด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก

รู้จักคำว่า “พอเพียง”

คำว่า ‘พอเพียง’ ก็คือความพอดี อะไรที่ตึงเกินไปหรือหย่อนยานเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น เราเข้าใจว่าทุกคนต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ระหว่างเส้นทางสู่ความสำเร็จนั้นหากคุณรีบเร่งมากเกินไปไม่รู้จักเดินทางสายกลางจะทำให้คุณเป็นทุกข์ เครียด และหมดไฟในการทำงานได้ง่ายๆ ดังนั้นคุณควรภาคภูมิใจความความสำเร็จที่ได้รับในวันนี้ และพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง หากทำได้เช่นนี้แล้วจึงเรียกได้ว่าคุณเป็นคนที่เดินสายกลาง มีความพอเพียงนั่นเอง

รู้คุณค่าของเวลา พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ

คนเก่งหลายคนรู้ว่างานที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรมานั้นง่าย แค่กระดิกนิ้วครั้งเดียวก็เสร็จ ก็เลยใช้วิธีการเตะถ่วง ไม่สนใจทำตั้งแต่ตอนแรก แล้วค่อยมาเร่งทำในภายหลัง ทำให้งานขาดความรอบคอบ คุณภาพไม่ดีสมกับที่ได้รับความไว้วางใจ บางครั้งก็เสร็จไม่ทันกำหนด

แทนที่คุณจะทำแบบนั้น คุณควรเปลี่ยนวิธีการคิดและทำใหม่ เมื่อได้รับมอบหมายงานมาไม่ว่าจะง่ายหรือยากเพียงใด ก็ต้องรีบตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก่อน คุณควรทำงานอย่างรู้คุณค่าของเวลา เมื่อเสร็จแล้วก็ทบทวนความถูกต้องเพื่อให้ผลงานมีคุณภาพเป็นที่ประทับใจของเจ้านาย เมื่อมีเวลาเหลือคุณค่อยใช้มองหาโอกาสความก้าวหน้าใหม่ๆ ทั้งในแง่การลงทุน และเพิ่มพูนศักยภาพการทำงานของตัวเองให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป

อย่ากดดันตัวเอง

ไม่ว่างานที่เรากำลังก้าวเท้าเข้าไปหาจะต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เราก็ต้องคอยให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอและมองหาเป้าหมายเพื่อที่จะผลักดันให้ก้าวต่อไป ในขณะเดียวกันเราก็ควรทำใจว่าเราต้องพบกับอุปสรรคและความยากลำบากบ้าง แต่การกดดันตัวเองจนมากเกินไปก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะอาจทำให้เราหมดกำลังใจและถอดใจไป ลองใช้การแข่งขันและโอกาสที่ผ่านมาเพื่อเรียนรู้และพัฒนา เลิกบ่นหรือเอาแต่หาข้อเสียที่เกิดขึ้นเพื่อมาบั่นทอนตัวเอง

เปลี่ยนความผิดหวังให้กลายเป็นความรู้และประสบการณ์ล้ำค่า

คนที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกคนกว่าจะมีวันนี้ได้พวกเค้าต้องผ่านความล้มเหลวมาแล้วเสมอ เพราะคงไม่มีใครหรอกครับที่จะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในชีวิตได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือทำ คนสำเร็จแต่ละคนล้วนแล้วแต่ล้มเหลวมาก่อนหลายครั้งและทุกครั้งที่ล้มเหลวก็จะเก็บประสบการณ์ในครั้งนั้นมาเป็นบทเรียนแล้วเริ่มต้นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ตนฝันต่อไป หากวันนี้คุณมองตัวเองว่าล้มเหลวก็จงอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ รีบๆ จดจำเลยว่าความล้มเหลวครั้งนี้ได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง นำมาเป็นบทเรียนสอนใจ แล้วรีบลุกเริ่มต้นใหม่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง

หาสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด

หากเราเข้าใจได้ว่าทำไมเราถึงรู้สึกหมดไฟกับงานนี้ และเหตุผลจริงๆ ก็คือ เรารู้สึกสนุกกับเรื่องใหม่ๆ แทนแล้ว นั่นก็อาจแปลว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนงานใหม่แล้ว ซึ่งการยอมจำใจอยู่ที่เดิมเพื่อทำงานที่ไม่เหมาะสมกับตัวเราคงไม่ใช่เรื่องดี เพราะหากเราได้ทำในสิ่งที่รักจะส่งผลให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แม้อาจไม่ได้เกิดขึ้นในกรอบเวลาที่คาดหวังไว้ แต่ยิ่งมุ่งมั่นก้าวไปบนเส้นทางที่เป็นของตัวเอง เราจะมีโอกาสเติบโตมากขึ้นตามไปด้วย และจะได้โบนัสพิเศษคือการมีความสุขกับการทำงานในทุกๆ วัน เมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบอย่างแท้จริง

.

.

ติดตาม Life Elevated ได้ที่

Website: www.lifeelevated.club/

Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ

Twitter: @_lifeelevated_

Instagram: @lifeelevatedclub

Line OA: @Lifeelevated

Blockdit: Life Elevated

.

.

#LifeElevated #Burnout #ภาวะหมดไฟ

Related Articles

Leave a Comment