ปีหน้าไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์
“วิกฤติสังคมสูงวัย” ในประเทศไทยเป็นปัญหาที่ใหญ่และขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในปี 2563 ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และในปี 2570 เราจะมีผู้สูงอายุร้อยละ 30 หรือกว่า 20 ล้านคน ไม่ใช่เพียงปริมาณที่กำลังจะเป็นปัญหา แต่ช่องว่างระหว่างกลุ่มวัยที่มีความไม่เข้าใจกัน ขาดความสัมพันธ์กัน จะทำให้คนต่างวัยขาดการดูแลกันระหว่างกลุ่มวัย เรากำลังจะมีคนหลายกลุ่มวัยอยู่ร่วมกัน ตั้งแต่วัยเทียด (อายุ 90 ปีขึ้นไป) ทวด (อายุ 75-90 ปี) ปู่ย่าตายาย (อายุ 50-75ปี) วัยพ่อแม่ และวัยลูก – หลาน – เหลน – ลื่อ การจัดระบบบริการผู้สูงวัย และการจัดการเชื่อมต่อความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างกลุ่มวัย (Bridging Gap Between Age Group) จึงเป็นโจทย์สำคัญของการสร้างสังคมสุขภาวะในอนาคต
นอกเหนือจากการดูแลสุขภาวะผู้สูงอายุด้วยเครื่องไม้เครื่องมือและกระบวนการรักษาทางการแพทย์แล้ว ศูนย์การเรียนรู้ “ชราแลนด์” ผลงานสร้างสรรค์ที่เกิดจากความร่วมมือของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อหวังลดช่องว่างระหว่างเยาวชน – สังคมสูงวัย พร้อมดันเด็กรุ่นใหม่ก้าวสู่ผู้ออกแบบนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุ ผ่านกิจกรรม STEAM4INNOVATIOR
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “เอ็นไอเอ มุ่งมั่นในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการ “STEAM4INNOVATOR” ซึ่งเป็นแนวทางจัดการเรียนรู้สมัยใหม่ ที่นำความรู้ด้านธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการมาบูรณาการเข้ากับความรู้ความเข้าใจทางด้าน STEAM (Science, Technology, Engineering, Art, Mathematics) เพื่อให้เยาวชนสามารถประยุกต์และสร้างสรรค์ผลงานบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีมิติของการประกอบธุรกิจนวัตกรรมอยู่ด้วย
ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ หรือ Learning Station เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในงานถนนสายวิทยาศาสตร์ และงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว โดยครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่เอ็นไอเอได้ร่วมมือกับสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กฯ เพื่อขยายผลกิจกรรม Learning Station ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ถาวรที่เยาวชนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ตลอดทั้งปี
และความร่วมมือนี้เป็นการใช้องค์ความรู้ทั้งด้านนวัตกรรมของ NIA และด้านพัฒนาการเด็กของสถาบันฯ มาออกแบบกระบวนการแต่ละฐานการเรียนรู้ให้สามารถเข้าถึงพฤติกรรม ความคิดและการตอบสนองของเด็กแต่ละช่วงวัย สร้างทักษะที่สำคัญของนวัตกร คือ การคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และคิดสร้างสรรค์ อันเป็นเป้าหมายร่วมที่สำคัญของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อสร้างนิสัยการเรียนรู้ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตต่อไปอย่างมีคุณภาพ”
สำหรับ Learning Station นี้จัดขึ้นในธีม “INNO OLD-K” เนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ น้องๆ เยาวชนควรได้เรียนรู้ เข้าใจปัญหา และสามารถเป็นผู้แก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างตรงจุด เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตในวัยชราได้อย่างมีความสุข โดยกิจกรรมประกอบด้วย 4 ฐาน ได้แก่
Stage 1 รู้ลึก รู้จริง : สูงวัย Why เก๋า? น้องๆ จะได้ทดลองเป็นผู้สูงอายุ เช่น การมีปัญหาสายตา การเดิน และริ้วรอย เพื่อเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง
Stage 2 Wow Idea : Cha la land แดนไอเดีย น้องๆ จะได้ดูตัวอย่างนวัตกรรมที่แก้ปัญหาให้กับผู้สูงอายุ เช่น ไฟเปิดอัตโนมัติ ไม้เท้าปรับระดับ หรือ Application ต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
Stage 3 Business Model : อาวุโส Model น้องๆ จะได้เล่นเกมเพื่อแลก STEAM Coin สำหรับนํามาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ มาใช้ในการทำผลงานต้นแบบ และรู้จักกับการเขียนแผนธุรกิจเบื้องต้น
Stage 4 Production & Diffusion : Inno Elderland น้องๆ จะได้รู้จักกับวิธีการและช่องทางในการขายสินค้า การทําบรรจุภัณฑ์เบื้องต้น และการคำนวณต้นทุน กำไร กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยพัฒนาทักษะที่สำคัญของเยาวชนสู่การเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมได้ในอนาคต
รศ.ดร.ภญ. จุฑามณี สุทธิสีสังข์ รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า บทบาทมหาวิทยาลัยมหิดลกับวิกฤติสังคมสูงวัย ได้ดำเนินทั้งการวิจัย สร้างต้นแบบบริการ สร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ เพื่อนำไปสู่การเสริมสร้างสุขภาพ และระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับผู้สูงอายุ 6 โครงการสำคัญที่ดำเนินการแล้ว อาทิ ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นศูนย์ผลิตบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ พัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุแบบสหวิชาชีพ
ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีเป้าหมายในการพัฒนาต้นแบบและมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้าย สร้างผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมการดูแลสุขภาพเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศและเพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาดสากล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สาวิตรี ทยานศิลป์ อาจารย์ประจำ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก และครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในการเตรียมพร้อมการเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ ต้องเสริมแนวคิดใหม่เชิงรุก นอกเหนือนโยบายแบบตั้งรับเพื่อการแก้ปัญหาของผู้สูงอายุในด้านต่างๆ ซึ่งไม่ทันกับสถานการณ์ที่ผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น แนวคิดเชิงรุกได้แก่การสร้างผู้สูงอายุที่มีความสุขและสุขภาพดี (Thai Active Aging Smart, Happy,& Healthy)
โดยเตรียมความพร้อมของคนทุกวัยเพื่อเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพในวันข้างหน้า และเตรียมคนทุกวัยให้พร้อมที่จะอยู่ร่วมกันและช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งผู้สูงอายุกับเด็กทั้งสองวัยนี้เกี่ยวพันกันได้ ซึ่งโครงสร้างของครอบครัวไทยจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ผู้สูงอายุกับเด็กต้องอยู่ร่วมกันและพึ่งพากันมากขึ้น เมื่อ ผู้สูงอายุและเด็ก ต่างคนต่างวัย ต่างสไตล์การใช้ชีวิตอายุยิ่งห่างกัน ยิ่งเกิดช่องว่างทางความคิดยิ่งต่างกัน ทำให้เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างวัย จนเป็นปัญหาใหญ่นำไปสู่การไม่ยอมรับของอีกฝ่าย
ซึ่งทางออกของปัญหาคือการจัดกิจกรรมระหว่างวัย สร้างความเข้าใจในความแตกต่าง ส่งเสริมให้เกิดการยอมรับ และเคารพในความแตกต่าง แบ่งปันประสบการณ์และที่สำคัญคือ การร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ Happy Together Old and Young
เด็กชายสิรวิชญ์ สุบินมิตร อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสาลวัน กล่าวว่า หลังจากได้ลองเข้ามาเรียนรู้ที่ชราแลนด์แล้ว ทำให้เข้าใจผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น และรู้ว่าผู้สูงอายุต้องเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง พร้อมทั้งยังได้เรียนรู้วิธีการดูแลคนแก่ว่าจะต้องทำอย่างไรให้พวกท่านมีความสุข และอยู่ร่วมกับคนในครอบครัวได้แบบพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งตนจะเอาความรู้ที่ได้จากศูนย์การเรียนรู้ชราแลนด์กลับไปดูแลคุณย่าที่บ้าน และจะคอยช่วยเหลือคุณย่าให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาในห้องเรียนไม่ได้
ทั้งนี้ สำหรับโรงเรียน หรือกลุ่มคณะใดที่สนใจ สามารถติดต่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา
อ้างอิง
https://mahidol.ac.th/temp/2020/10/press.pdf
https://www.nia.or.th/NIA-NICFD2020
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/903564
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/903695
https://www.salika.co/2020/10/21/aged-society-nia-nicfe-partnership/