ตอนนี้เราน่าจะอยู่ในยุค 5G กันแล้ว แต่ทำไมมันไม่น่าตื่นเต้นเอาซะเลย!? และปัญหาก็ไม่ใช่เราเข้ายุค 5G ในตอนที่ COVID-19 ทำให้เราต้องอยู่บ้านกันด้วย
ถ้าคุณกำลังรู้สึกเหมือนกัน เราขออธิบายอย่างนี้ ถ้าย้อนกลับไป เทคโนโลยี “ไร้สาย” แบบทุกวันนี้ที่เราใช้กันทุกวัน หลักๆ มาจากยุค 3G ทั้งหมดเลย ซึ่งนั่นคือเทคโนโลยีที่เริ่มใช้ประมาณ 20 ปีที่แล้ว
และหลักๆ ความเปลี่ยนแปลงที่ 3G ทำให้เกิดขึ้นก็คือ “วัฒนธรรมสมาร์ทโฟน” กล่าวคือ มันเป็นเครือข่ายไร้สายแรกที่ “เร็วพอ” ที่จะทำให้การใช้สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งสมเหตุสมผล กล่าวคือ มันเป็นเครือข่ายแรกที่ทำให้การดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ แบบไร้สายทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่รวมถึงการโหลดเพลง การสตรีมวิดีโอมาดูบนสมาร์ตโฟน ไปถึงการคอนเฟอเรนซ์คอล
ซึ่งพอมา 4G ทุกอย่างเหมือน 3G แค่มันเร็วขึ้นมาก เนียนขึ้นมากเท่านั้น คือประสบการณ์ทุกอย่างมัน “ดีขึ้น” จนเรารู้สึกได้
แล้วพอมา 5G ล่ะ?
คำตอบคือ แทบไม่มีอะไรใหม่จาก 4G เลย ความเร็วจาก 4G มา 5G ในเทคโนโลยีเดิมๆ ที่เราใช้มาตั้งแต่ยุค 3G มันไม่ได้เร็วขึ้นแบบเรารู้สึกอะไรแล้ว เพราะมันเร็วจนไม่รู้จะเร็วยังไงตั้งแต่ 4G แล้ว และนี่เลยทำให้เรื่องใหม่ๆ ใน 5G เป็นเรื่องของการคุมหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรระยะไกล (ไม่ว่าจะโดรนบนฟ้า หรือหุ่นยนต์ขุดเหมืองใต้ทะเลลึก) การควบคุมรถยนต์ไร้คนขับหรือ “งานละเอียด” แบบการผ่าตัดด้วยการควบคุมหุ่นยนต์ในระยะไกล
เราคงเคยได้ยินเทคโนโลยีพวกนี้มาแล้วบ้าง แต่คำถามคือเทคโนโลยีที่ว่ามาทั้งหมด คนทั่วๆ ไปคนไหนจะได้มีโอกาสใช้? คำตอบคือ “น้อยคนมากๆ” อย่างน้อยๆ เทคโนโลยีที่ดูใกล้ตัวเราสุดอย่างรถยนต์ไร้คนขับก็คงไม่แพร่หลายเท่าไรในรอบ 10 ปีนี้ และนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ 5G และเทคโนโลยีที่มากับมันนี่ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรเลยสำหรับคนทั่วไป
แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่น่าตื่นเต้นอาจเป็น 6G ในอนาคต คำถามคือทำไม?
คำตอบง่ายๆ คือมันจะเป็นการขนส่งข้อมูลจำนวนมากได้เร็วระดับที่การสื่อสารของมนุษย์จะพลิกโฉมเลยทีเดียว คือการรับส่งข้อมูลระดับ 6G จะทำให้การ “ประชุม Zoom” เป็นเทคโนโลยีโบราณ เพราะความเร็วเครือข่ายไร้สายที่น่าจะคู่ควรกับคำว่า 6G นี่น่าจะเร็วระดับที่มนุษย์สามารถส่งภาพ “โฮโลแกรม” ในระยะไกลได้ และทำให้เรานั่งประชุมกับภาพโฮโลแกรมของคนอื่นๆ ได้ แบบที่เราเห็นในหนังไซไฟ
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้แน่ๆ ในเครือข่าย 6G
ตรงนี้สิ่งที่เราต้องไม่ลืมก็คือ ทุกวันนี้ ข้อมูลแบบโฮโลแกรมเราทำได้แล้ว การถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอแบบ 3 มิติเราก็ทำได้แล้ว แต่จำนวนข้อมูลมันมหาศาล การส่งข้อมูลระดับนี้ไม่สามารถส่งได้แบบทันทีทันใดในเครือข่ายไร้สาย
ดังนั้น มันก็เลยไม่มีใครพัฒนาแอปประชุมระยะไกลแบบ 3 มิติ เพราะเครือข่ายไม่ซัปพอร์ต แต่ลองคิดภาพว่าถ้ามีเครือข่ายแบบ 6G เกิดขึ้น พวกแอปแบบที่ว่านี้ก็จะเริ่มโผล่ขึ้นมา พร้อมกับอุปกรณ์ฉายโฮโลแกรมถูกๆ สำหรับให้คนทั่วไปใช้
ลองคิดภาพว่าถ้าเทคโนโลยีเอื้อต่อการส่งภาพ 3 มิติแบบโฮโลแกรมในระยะไกลได้ ต่อไปจะไม่ใช่แค่เราประชุมกันแบบ 3 มิติเท่านั้น แต่พวกงานด้านสื่อต่างๆ ก็น่าจะเปลี่ยนไปด้วย และคงตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตแบบ 3 มิติ ที่แสดงโชว์สดๆ ได้พร้อมกันทั้งโลก หรือกระทั่ง “โชว์ห้องลับ” ระบบโฮโลแกรมแบบเสมือนจริงเสียยิ่งกว่าที่เคยมีมาในยุคใดๆ
และก็คงไม่ต้องพูดถึงพวกพัฒนาการด้านหุ่นยนต์ต่างๆ ที่จะเจ๋งไปกว่ายุค 5G อีก เพราะ 6G นี่น่าจะหมายถึงการใช้ AI ส่งข้อมูลจำนวนมากกว่าเดิมมาประมวลผลสดๆ ได้ในระยะไกล ซึ่งนั่นหมายถึงเราจะมีระบบ AI ที่ฉลาดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะบริษัททำอะไรพวกนี้ล้วน “หิว” ข้อมูลเพื่อเอาไปพัฒนา AI อยู่แล้ว และถ้ามีเทคโนโลยีส่งข้อมูลที่ดีขึ้น ก็หมายถึง AI ก็จะพัฒนาได้เร็วขึ้น
เรียกได้ว่าเราอยู่ในยุคสมัยที่น่าตื่นเต้นจริงๆ และที่ว่ามาทั้งหมด อย่าคิดว่ามันอีกไกลนะครับ เพราะจริงๆ มันอาจแค่ราวๆ 10 ปีข้างหน้าก็ได้
เพราะจาก 4G มา 5G ก็ได้เวลาราว 10 ปีเหมือนกัน
ติดตาม Life Elevated ได้ที่
Website: www.lifeelevated.club/
Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ
Twitter: @_lifeelevated_
Instagram: @lifeelevatedclub
Line OA: @Lifeelevated
Blockdit: Life Elevated