ในบางครั้ง ชีวิตเราอาจต้องพึ่งความเชื่อบางประการเพื่อขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้า อย่างเช่น “การทำงาน” เพราะคงมีหลายๆ ครั้งที่คุณรู้สึกท้อ หมดไฟ หมดใจที่จะทำงาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ซึ่งการที่คุณมีความเชื่อบางอย่าง อาจทำให้คุณรู้สึกมีกำลังใจ มีแรงบันดาลใจ หรือสร้างพลังในการทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ ความจริง ความเชื่อเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องงมงายอะไร แต่เป็นความเชื่อที่สั่งสมมาจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงาน
1. คุณมองว่างานเป็นสิ่งสำคัญหรือเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย
งานเป็นสิ่งสำคัญหรือเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย? ความแตกต่างอยู่ที่ความคิดความเชื่อของคุณเอง การทำงานจะง่ายขึ้นมากถ้าคุณมีวิธีเข้าหามัน โดยการตั้งเป้าหมายว่าคุณทำงานไปเพื่ออะไร หากงานออกมาดี คุณจะได้อะไร แต่เมื่อไรที่คุณคิดว่างานเป็นสิ่งที่ “ต้องทำ” มันก็จะกลายเป็นงานหนักทันที ฉะนั้น คุณแค่ต้องอินกับงานที่คุณทำเสมอ เพื่อจะได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมเวลาที่งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณยังคงทำงานนี้ให้ดีต่อไปเรื่อยๆ
2. ผลงานคือสิ่งที่สะท้อนตัวคุณ
ผลงานสามารถสะท้อนให้เห็นคนที่ทำมันออกมาได้ ผลลัพธ์ของงานจะบ่งบอกได้ว่าคุณเป็นคนเช่นไร และยังเป็นตัวแปรสำคัญที่แสดงให้เห็นว่างานชิ้นหนึ่งดีกว่างานอีกชิ้นหนึ่งอย่างไรด้วย หมายความว่าถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจทำงานชิ้นนี้ ทำลวกๆ ให้พ้นตัวไป ผลงานที่ออกมาก็เป็นไปในทางลบ สะท้อนความคิดความรู้สึกตอนที่คุณทำมันออกมา ขณะเดียวกัน ถ้าคุณตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ ผลงานก็จะออกมาเชิงบวก แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ
3. ทุกอาชีพมีเกียรติ
ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็มีเกียรติในตัวของมันเอง แม้จะเป็นส่วนเล็กแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่มีคนเหล่านี้ก็จะไม่มีคนทำงานนั้น เพราะความจริงเกี่ยวกับงาน คือสิ่งที่ต้องทำและต้องมีใครบางคนมารับหน้าที่ทำ ในบริษัทใหญ่ๆ งานแม่บ้าน ถ้าไม่มีพวกเขาใครจะเก็บขยะที่คุณทิ้งออกจากอาคาร ใครจะกวาดพื้นถูพื้น ซึ่งคุณเองก็คงไม่ทำ เนื่องจากคุณก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ดังนั้น คุณควรศรัทธาในงานตัวเอง และปฏิบัติต่อคนทำงานอื่นอย่างให้เกียรติด้วย
4. การทำงานทำให้เราเติบโต
แน่นอนว่าการทำงานจะทำให้คุณเติบโตไม่ว่าจะทางทักษะ ความคิด หรือวิธีในการเข้าหาและทำงานร่วมกับผู้อื่น เพราะคุณจะสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน คุณได้เรียนรู้วิธีที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น งานที่ทำออกมาก็สามารถเพิ่มขีดความสามารถของคุณ คุณจะเก่งขึ้น แกร่งขึ้นในทุกวัน ทำให้คุณรู้สึกว่ามีคุณค่าต่อคนอื่น ๆ ซึ่งคุณยังสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาปรับปรุงทัศนคติการมองโลกของตัวคุณได้
5. ความรับผิดชอบนำมาซึ่งภาระหน้าที่ที่มากขึ้น
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำอะไรไปแล้ว คุณก็ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์เหล่านั้นด้วย นั่นหมายความว่าถ้าคุณมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานเดิม คุณอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งแน่นอนว่าภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของคุณก็จะมากขึ้นจากตำแหน่งเดิมด้วย คุณต้องยอมรับมันให้ได้ ตรงกันข้าม ถ้าคุณปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงที่จะรับผิดชอบหน้าที่อะไรบางอย่าง อาจทำให้คุณไม่ได้โอกาสดีๆ นั้นอีกเลย
6. มืออาชีพ ไม่ต้องมีใครมาบอกว่าต้องทำอะไร
คนที่เป็นมืออาชีพ คือคนที่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองได้เองโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าต้องทำอะไร ซึ่งคุณควรมีความกระตือรือร้นในการทำงาน เริ่มจากมองหาสิ่งที่ต้องทำและลงมือทำทันทีก่อนที่ใครจะมาบอกหรือสั่งให้ทำ ธรรมชาติของมนุษย์ไม่ชอบให้มีใครมาออกคำสั่งหรือบงการให้ทำนู่นทำนี่ เพราะฉะนั้น หากคุณไม่ต้องการคนที่ทำตัวเป็นเจ้านายจู้จี้จุกจิก คุณก็ต้องเป็นนาย สั่งและรับผิดชอบตัวเอง
7. คนที่ไม่รักงานกำลังทำผิด
หากคุณไม่ได้มีใจรักที่จะทำงาน ก็มีโอกาสสูงทีเดียวที่คุณจะทำงานผิดพลาด เพราะคุณไม่ได้มีแรงจูงใจหรือมีอารมณ์ร่วมในการทำงานนั้น คุณทำแค่เพราะต้องทำ ทำให้มันเสร็จๆ ไป หมดเวลางานก็กลับบ้าน ทำให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลเท่าที่ควร หรือบางทีอาจเป็นเพราะคุณมีความตั้งใจที่จะไปที่อื่น เพื่อทำอะไรที่แตกต่างออกไป ถึงกระนั้น ตอนที่ยังทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ ก็ควรจะทำให้มันดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ?
ติดตาม Life Elevated ได้ที่
Website: www.lifeelevated.club/
Facebook: Life Elevated ชีวิตยกระดับ
Twitter: @_lifeelevated_
Instagram: @lifeelevatedclub
Line OA: @Lifeelevated
Blockdit: Life Elevated